เทศน์เช้า วันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๖๑
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
เราตั้งใจฟังธรรมะเนาะ นี่เป็นธรรมะแล้วล่ะ เพราะอะไร เพราะนี่มันวันขึ้นปีใหม่ของชาวไทยเรานะ วันสงกรานต์ วันสงกรานต์นี่วันหยุดนะ เราไปวัดไปวากัน ไปประพฤติปฏิบัติกันไง มันก็ผ่านไปแล้วใช่ไหม ผ่านไป ๕ วัน ๑๐ วัน มันมีอะไรดีขึ้น ใจเราพัฒนาขึ้นหรือไม่ ถ้าใจเราพัฒนาขึ้นมา ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนเข้ามาที่ใจนี้ แล้วธรรมะมันคืออะไร ธรรมะเป็นดิน ฟ้า อากาศหรือ ธรรมะเป็นอาหารหรือ ธรรมะเป็นความเย็น ก็ในห้องเย็นหรือ ไม่ใช่
ธรรมโอสถ เหตุและผล สติปัญญาเป็นธรรมะ ถ้าธรรมะขึ้นมาแล้ว สิ่งที่สัจธรรมอันนี้ถ้ามันเข้ามาในหัวใจของเราแล้ว ถ้าเข้าไปในหัวใจของเราแล้วเป็นคนฉลาด เป็นคนที่ฉลาด ฉลาดในอารมณ์ของตน เป็นคนที่ฉลาดนะ จะคุยกับเด็กน้อยก็เป็นเรื่องของเด็กๆ จะคุยกับผู้ใหญ่ก็เป็นเรื่องผู้ใหญ่ ไปคุยกับคนที่มีปัญญาก็เป็นเรื่องของคนที่มีปัญญา สติปัญญามันเท่าทันไปหมดนะ นี่เพราะมันมีธรรมไง ถ้ามันมีธรรม มันเข้าได้ทุกสถานที่เห็นไหม
เวลาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านพูดถึง เวลาสิ้นกิเลสไปแล้วมันเข้าได้ทุกเม็ดหินเม็ดทราย มันไม่มีกีดมีขวางใคร เว้นไว้แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะปรารถนามารื้อสัตว์ขนสัตว์ เว้นไว้แต่ครูบาอาจารย์ของเราจะปรารถนา นี่จะปรารถนา จะแก้ไขไง จะแก้ไขนะ
เวลาองค์หลวงปู่มั่นท่านพูด “จิตนี้แก้ยากนะ จิตนี้แก้ยากนะ การแก้จิตนี้แสนยาก”
คนเราเจ็บไข้ได้ป่วยไปหาหมอ จะหาหมอที่ดีๆ คนที่ไปหาหมอไม่ต้องการหมอที่ไร้ความสามารถเลย นี่ไง เวลาไปหาครูบาอาจารย์ ถ้าครูบาอาจารย์ที่เป็นธรรมๆ นั่นน่ะธรรมโอสถๆ สิ่งที่เป็นธรรมๆ มันเป็นธรรมอันนั้น มันเป็นธรรมแก้ไขให้คนมีสติมีปัญญา มีสติปัญญาขึ้นมา ชีวิตมันเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์ ชีวิตนี้เป็นสิ่งมหัศจรรย์มากนะ จิตที่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะมหัศจรรย์มาก ดูสิ ดูแมลง สิ่งที่ยังไม่เกิด กว่าจะเกิด ดูแมลงมันต้องฟักตัวของมัน เป็นหนอน เป็นผีเสื้อ กว่าจะมาเป็นแมลงแต่ละตัว นี่ชีวิตของมัน
แต่ของเรา เราลืมไปนะ เราอยู่ในครรภ์มารดา ๙ เดือน เราคลอดออกมา ผ่านช่องแคบออกมา เราเกิดมาแล้วชีวิตมีค่าๆ มีค่าอะไร มีค่าขึ้นมาแล้วมันขวนขวาย ใช่ เราเกิดมาแล้วเรามีชาติมีตระกูลทั้งนั้นน่ะ เวลาชาติตระกูลขึ้นมา ครอบครัวไหนรู้จักประหยัดมัธยัสถ์ ซ่อมบำรุงรักษาของในบ้านนั้น ครอบครัวนั้นจะเจริญรุ่งเรืองตลอด ครอบครัวไหนใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ไม่รู้จักรักษา นี่ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ในนวโกวาท นั่นน่ะสิ่งที่สั่งสอนมา ย่อมาจากในพระไตรปิฎก มันเป็นเครื่องดำเนินชีวิตของเรา แล้วเครื่องดำเนินชีวิตของเราก็ดำเนินชีวิตในโลก ผลของวัฏฏะ ผลของวัฏฏะมันก็อยู่ในวัฏฏะอย่างนั้นแหละ แต่เวลาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า วิวัฏฏะ พ้นออกไปจากวัฏฏะ พ้นออกไปจากวัฏฏะมันเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์ คำว่า “ชีวิตนี้ก็มหัศจรรย์อยู่แล้ว” ถ้าชีวิตนี้มหัศจรรย์
แต่เวลามนุษย์เกิดมาแล้ว มนุษย์เกิดมามีการศึกษา เดี๋ยวนี้ในคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ด้วยวัยก็ได้มากขึ้น แต่ก่อนคนไปตามเกณฑ์นะ ๔๐-๕๐ ปีตายหมด เพราะอะไร เพราะว่าโรคภัยไข้เจ็บมันมาก แล้วทางวิทยาศาสตร์ ทางการแพทย์มันเจริญ คำว่า “ทางการแพทย์เจริญ” เราก็ว่ามนุษย์เจริญที่สุด
เวลาโลกเรา ทางประวัติศาสตร์ไป สิ่งมีชีวิตมันเกิดมาได้สมควรพอดีกันทั้งนั้นน่ะ แต่เพราะมนุษย์ที่ฉลาด มนุษย์เป็นผู้ที่มีปัญญา มนุษย์ถึงครองโลกไง มนุษย์ถึงใช้ทรัพยากรมากที่สุดไง นี่คือมนุษย์ เราก็ภูมิใจๆ
ตายหมด ตายเหมือนสัตว์นั่นน่ะ สัตว์เกิดมา เกิด แก่ เจ็บ ตาย มนุษย์ก็เกิด แก่ เจ็บ ตาย แต่เกิด แก่ เจ็บ ตายขึ้นมา เราสร้างขึ้นมา เราเกิดมา การเกิดมา เกิดมาแบบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ๆ เวลาเกิดมาสร้างคุณงามความดีๆ พันธุกรรมของจิต เวลาพันธุกรรมของร่างกาย เวลาเกิดพันธุกรรม เราเกิดจากพ่อจากแม่ พ่อแม่พันธุกรรมบกพร่อง เราก็ต้องเจ็บไข้ได้ป่วยไปอย่างนั้น ถ้าพ่อแม่พันธุกรรมสมบูรณ์ขึ้นมา เราก็สมบูรณ์ขึ้นมา จิตใจของเรา เราเกิดในครอบครัวที่ดี ครอบครัวที่จิตใจที่เป็นธรรม อย่าไปรังแกเขานะลูก ลูกให้จิตใจกว้างขวางนะลูก สอนแต่สิ่งที่ดีๆ นี่เกิดสัมมาทิฏฐิ เกิดมาในครอบครัวที่ดีงาม จิตใจที่มันพัฒนาๆ ขึ้นมา มันพัฒนาขึ้นมา เกิดซ้ำเกิดซาก เกิดขึ้นมาจนเป็นผู้นำ การเป็นผู้นำ เป็นจักรพรรดิ
เวลาเป็นจักรพรรดิขึ้นมา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นจักรพรรดิไม่รู้กี่รอบ คำว่า “เป็นจักรพรรดิไม่รู้กี่รอบ” นี่พันธุกรรมของจิตๆ ไง เวลาเป็นจักรพรรดิ จักรพรรดิเป็นผู้ที่คุ้มครองดูแลนะ ปกครองประชาชนให้มีความร่มเย็นเป็นสุขนะ ไม่ใช่ทรราช ทรราชมันขูดรีด เอาแต่ผลประโยชน์ มีแต่ทำให้คนมีแต่ความทุกข์ความยาก แต่ถ้ามันเปลี่ยนเป็นจักรพรรดิ นี่มันพันธุกรรมของจิตๆ เพราะจิตมันมีพันธุกรรมของมันอย่างนั้น เห็นไหม
เวลาเกิดมา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปเที่ยวสวนเห็นคนเกิด คนแก่ คนเจ็บ คนตาย เห็นแล้ว “เราต้องเป็นเช่นนั้นหรือ” มันสะเทือนใจๆ แล้วองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า วัฒนธรรมของชาวพุทธ เวลาไปงานศพๆ เวียนเมรุ ๓ รอบนั่นน่ะ ล้างหน้าด้วยน้ำมะพร้าว เขาเตือนคนเป็นทั้งนั้นน่ะ นี่ไง สิ่งที่มันเตือนคนเป็น ถ้ามันฉุกคิดได้ มันฉุกคิดได้ มันมีสติสำนึกได้
ทีนี้สำนึกได้ นี่ไง การค้นคว้าหาใจของตนมันไม่ใช่ของง่ายหรอก การค้นคว้าหาใจของตนมันต้องเกิดที่เจตนา คนที่มีเจตนา ทุกคนมีลมหายใจเหมือนกัน หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธเป็นพุทธานุสติ แล้วทุกคนไม่หายใจหรือ สัตว์มันก็หายใจ มันหายใจทั้งนั้นน่ะ แต่ทำไมมันไม่เป็นอานาปานสติ ทำไมไม่เป็นประโยชน์กับมัน มันเป็นประโยชน์กับมันต่อเมื่อดำรงชีพมันเท่านั้นน่ะ
แต่ถ้าเรามีสติปัญญาขึ้นมา จิตใจที่มีคุณค่า ของพื้นๆ ของชีวิตประจำวันไง ของที่ต้องหายใจอยู่ไง แต่เราหายใจทิ้งเปล่าๆ หายใจทิ้งเปล่าๆ เป็นคำพูดของหลวงปู่ฝั้น หลวงปู่ฝั้นท่านเป็นพระอรหันต์
พระอรหันต์ เพราะครูบาอาจารย์ของเราท่านเห็นแล้วนะ สิ่งนี้มีคุณค่าทั้งนั้นเลยนะ การเกิดเป็นมนุษย์ สิ่งที่การประสบพบเห็นมันเป็นสิ่งที่มีคุณค่าทั้งนั้นเลยนะ มันเป็นสิ่งที่มีคุณค่าให้เราได้สติสัมปชัญญะ ให้เราได้คิดไง เห็นไหม ภายนอก ภายใน กายนอก กายใน ให้ไปเห็นสิ เห็นคนพิการ เห็นคนเฒ่าคนแก่ เห็นแล้วไม่มีสำนึกเลยหรือ เห็นแล้วไม่คิดเลยหรือ เห็นแล้วไม่เกิดปัญญาเลยใช่ไหม
นี่ไง เวลาถ้าเรามีสติมีปัญญาขึ้นมา เวลาจิตมันสงบเข้ามา พอจิตสงบแล้วมันพิจารณา มันเห็นสติปัฏฐาน ๔ เห็นกายตามความเป็นจริงขึ้นมา นั่นน่ะสติปัฏฐาน ๔ ตามความเป็นจริง ถ้ามันเห็นคุณค่า
ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเวลาพูดนี่พื้นๆ ธรรมดาๆ นี่แหละ แต่เวลาทำขึ้นมาได้จริง โอ้โฮ! มันมหัศจรรย์อย่างนั้นเชียวหรือ มหัศจรรย์อย่างนั้นเชียวหรือ มันมหัศจรรย์ที่ไหน มันมหัศจรรย์ในใจนั้นไง ดวงตาเห็นธรรมๆ มันมหัศจรรย์ในใจดวงนั้นน่ะ มันมหัศจรรย์ในหัวใจดวงนั้นน่ะ มันมหัศจรรย์เพราะมันไม่เคยรู้เคยเห็นสิ่งนี้
สิ่งที่ศึกษามาๆ ก็ได้จำมาทั้งนั้นน่ะ แล้วเวลาคนมันก็อยู่ที่วาสนานะ พันธุกรรมของจิตๆ เวลาคนเรา เวลามันนึกมันคิดสิ่งใด มันจินตนาการสิ่งใด ดูสิ เวลาศิลปินเขาเขียนรูป รูปภาพรูปหนึ่งเป็นพันๆ ล้าน มันเป็นไปได้อย่างไร นี่ไง เขาเขียนด้วยจิตวิญญาณของเขาไง ไอ้เราเขียน ถ้ากูเขียนรูปละ ๕ บาท ใครมาซื้อกู กูเขียนหมดเลย ๕ บาทก็พอ เขาเขียนรูปหนึ่งเป็นพันๆ ล้านน่ะ
เราจะมาเทียบถึงหัวใจของคนไง หัวใจของคนที่มีคุณค่า ที่มันซาบซึ้งใจของมันน่ะ นี่ไง เวลาหัวใจของเราเหมือนเศษกระดาษ เขียนรูปก็ไม่มีใครเอา แจกฟรีก็ไม่มีใครเอา ไม่มีใครสนใจเลย ทำไมรูปภาพของศิลปินที่เขาเขียนรูปหนึ่งเป็นพันๆ ล้าน นี่ไง เขาเขียนมาแล้วมันมีคุณค่าๆ ของเขา
ถ้าหัวใจมันมีคุณค่า มันมีคุณค่ามากกว่านั้นนะ มันตีเป็นราคาไม่ได้ มันตีเป็นสิ่งในโลกเทียบไม่ได้ ถ้าเทียบไม่ได้ มันจะประเสริฐขนาดไหน ถ้ามันประเสริฐขนาดไหน เราถึงหายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธเป็นพุทธานุสติ แล้วถ้ามันเป็นจริงขึ้นมา มันเป็นปัจจัตตัง เป็นสันทิฏฐิโก มันต้องเป็นในใจดวงนั้น มันไม่ต้องเป็นให้คนนับหน้าถือตา เป็นคนให้เขายอมรับหรอก ไม่มีใครยอมรับใครทั้งสิ้น นี่ไง เกิดสงครามชนะกี่ล้านครั้ง สร้างเวรสร้างกรรมทั้งนั้น ชนะตนเองสำคัญที่สุด ชนะตนเองสำคัญที่สุด
ไอ้ตนเองครึ่งๆ กลางๆ เวลาจะทำก็ยังไม่ได้ทำ เวลาทำไปแล้ว จิตมันไปรู้ไปเห็นสิ่งใดขึ้นมาก็ว่ามหัศจรรย์ ส่งออกแล้ว ไปแล้ว จบหมดเลย แต่ถ้ามันเข้ามาหาตัวของเรานะ อานาปานสติ หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ หายใจของเราเข้าไปบ่อยครั้งเข้าๆ มีการกระทำของเรา
เวลาทางการแพทย์เขาพยายามบอกเลยนะ ป้องกันดีกว่าการรักษา ให้ออกกำลังกาย ให้พยายามทำให้ร่างกายฟื้นฟูให้แข็งแรง นี่ก็เหมือนกัน ถ้าหัวใจของเรา หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ ถ้าจิตใจเราเข้มแข็ง จิตใจเราแข็งแรง ถ้าจิตใจเราแข็งแรง สิ่งใดมันจะเข้ามาถึงหัวใจเราไม่ได้ไง ไม่ต้องเป็นหวัดเป็นไอไง แค่ความโลภ ความโกรธ ความหลง แค่วูบวาบมันก็โกรธ นั่นน่ะมันก็เป็นหวัดเป็นไอของมัน มันก็เหมือนกับคนเราเป็นหวัด ถ้ามันแข็งแรงมันก็ไม่เป็น ถ้าจิตใจมันแข็งแรงขึ้นมา อะไรมันผ่านได้หมดแหละ แต่จิตใจที่อ่อนแอไง ไม่ต้องไปหามันหรอก มันติดเชื้อในตัวมันเองเลย มันฟูมฟักมา “เราเป็นคนทุกข์คนยาก เราเป็นคนต่ำต้อย”
ต่ำต้อยตรงไหน อาการ ๓๒ เหมือนกัน เกิดเหมือนกัน เออ! มันจะไปต่ำต้อยตรงไหน เออ! นี่ไง มันติดเชื้อในตัวมันเองนั่นน่ะ ถ้ามันอ่อนแอ นี่ไง เพราะอะไร มันไม่หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ เพราะอะไร เพราะมันจินตนาการไปทั่ว นู่นก็ไม่จำเป็น นี่ก็ไม่ต้องทำ มันขี้เกียจ คนขี้เกียจ คนนอนอยู่เฉยๆ ไม่ต้องทำงานใช่ไหม คนที่เขาขยันหมั่นเพียรเข้าไป คนที่ทำงานเขาทำงานจนเป็นจริตนิสัย เขาอยู่เฉยๆ ไม่ได้นะ เดี๋ยวสมองฝ่อ เขาทำงานๆ ทำแล้วสบาย ทำแล้วสะดวกสบายของเขา
จิตใจก็เหมือนกัน ถ้ามันหายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ ลองมันแข็งแรงขึ้นมาสิ ขอให้มันแข็งแรงขึ้นมา ถ้ามันแข็งแรงขึ้นมา ตัวมันแข็งแรงขึ้นมาเอง มันมีคุณภาพ มันมีศักยภาพในตัวของมันเอง แล้วมึงจะรู้ มึงไม่เคยรู้ไม่เคยเห็น มีแต่ติเตียน มึงไม่เคยรู้ไม่เคยเห็น มึงมีแต่วิพากษ์วิจารณ์ แล้วก็วิพากษ์วิจารณ์ไปด้วยกิเลสตัณหาความทะยานอยาก ด้วยความเหยียบย่ำ ด้วยความเย้ยหยัน
หลวงตาบอกไอ้พวกหมาบ้า หมาบ้ามันกัดคนไม่ไว้หน้าใครทั้งสิ้น เวลากิเลสมันเกิดในใจมันกัดหมดเลย ติเตียนไปทั้งสิ้น ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ย่ำยี ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ดูถูกดูแคลน แล้วมึงทำอะไรกันเป็น เปรตทั้งนั้น ทำอะไรกันไม่ได้ พอทำอะไรไม่ได้ก็คลุกอยู่กับกิเลสของตนไง แล้วก็เอาจินตนาการของตนอ้างขึ้นมา อ้างขึ้นมานะ
ถ้าเอ็งแน่จริง เอ็งก็สร้างคุณธรรมขึ้นมาสิ เอ็งก็เผยแพร่ธรรมของเอ็งสิ ทำไมเอ็งต้องบอกเป็นพระพุทธศาสนาล่ะ ทำไมเอ็งต้องมาแปะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าล่ะ ลองไม่ได้แปะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ได้แปะพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มึงเกิดมาได้อย่างไร มึงเกิดกันขึ้นมาไม่ได้เลยถ้ามึงไม่มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นผู้เบิกทางไว้ให้ แล้วเบิกทางไว้ให้ เรายังทำลาย ยังทำลายเพราะอะไร เพราะมันจินตนาการของมันไปไง มันถึงไม่เข้ามรรคเข้าผล ไม่เข้าเลย
ถ้าพูดโดยข้อเท็จจริงมันก็เป็นเพราะอำนาจวาสนาของเขา จิตใจของเขาอ่อนแอ ความอ่อนแอนั่นน่ะมันสร้างสม แล้วมันจินตนาการของมันไปเอง จินตนาการไปทั่ว วิพากษ์วิจารณ์ไปทั่ว ไม่เข้าความจริงเลย
แต่ถ้าเป็นความจริง หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านเงียบ มันมหัศจรรย์จนพูดกับใครไม่ได้หรอก พูดอย่างไรก็ไม่รู้ พูดอย่างไรก็ไม่ได้ ถ้ามันพูดได้ทำได้นะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรารถนาอะไร
เวลาพระนันทะ พระเทวทัต ก็ลูกพี่ลูกน้องทั้งนั้น ก็ญาติโกโหติกาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งนั้น เป็นลูกพี่ลูกน้อง เป็นน้า เป็นคนในตระกูลเดียวกันมา เราจะให้เขามาทุกข์มายากหรือ ถ้าเราทำให้เขาสำเร็จได้ ทำให้เขาสะดวกได้ ทำไมเราไม่ทำให้เขาสำเร็จแล้วสะดวกไปด้วย แล้วเทวทัตเขาเป็นลูกพี่ลูกน้องทั้งนั้นน่ะ เทวทัตทำไมมาเป็นศัตรูเป็นคู่อาฆาตกันไปได้อย่างไร ถ้าเราจะขีดเส้นให้คนเป็นคนดีได้ เราทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ไง มันเป็นคนดีไม่ได้ เป็นคนดีไม่ได้เพราะพันธุกรรมของจิตๆ เพราะเขาทำของเขา เวรกรรมไง กรรมจำแนกสัตว์ให้เกิดต่างๆ กัน เขามีเวรมีกรรมของเขาอย่างนั้น เขามีเชื้อไขของเขาอย่างนั้น มันปะทุออกมาเมื่อไหร่เท่านั้นเอง
แต่ของเรา เราทำจิตใจเราให้แข็งแรง มันจะปะทุสิ่งใดขึ้นมา เราก็บอกสิ่งนั้นไม่ดี ถ้าสิ่งนั้นไม่ดี ถ้าทำไปมันก็จะเกิดเวรเกิดกรรมไปข้างหน้าใช่ไหม เราเกิดมาเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนาไง นี่มันสุดยอดๆ ความเกิดไง เกิดเป็นมนุษย์มีสติปัญญาอย่างนี้ มันแก้ไขได้ไง สัตว์เดรัจฉานมันทำไม่ได้ มันรู้ไม่ได้ มันทำดีทำชั่วได้ แต่มันทำให้ใจมันประเสริฐไม่ได้ แต่มันทำดีทำชั่วได้ ถ้ามันทำดีทำชั่วไม่ได้ มันไม่รักลูกของมัน ไม่รักฝูงของมัน
สัตว์บางตัวมันปกป้องกัน สัตว์ต่างสายพันธุ์ที่มาเลี้ยงด้วยกัน มันรักกัน มันเล่นกัน มันหยอกกัน ดูน่าเอ็นดูมาก น่าเอ็นดูเพราะมันไว้เนื้อเชื่อใจต่อกัน ทั้งๆ ที่มันต่างสายพันธุ์กันนะ มันเป็นศัตรูกันโดยสายพันธุ์นะ แต่เวลาเขาเอามาเลี้ยงอยู่ด้วยกัน มันโตขึ้นมาด้วยกัน ด้วยความผูกพัน ด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจของมัน มันยังคุ้มครองดูแลของมันได้ นี่มันทำของมันได้ แต่มันทำให้เกิดความสงบในใจไม่ได้ มันทำให้เกิดมรรคผลไม่ได้ มันทำคุณงามความดีได้ สัตว์ทำดีทำชั่วได้ แต่มันสร้างมรรคผลไม่ได้ เว้นไว้แต่มนุษย์เรา เทวดา อินทร์ พรหม
เรามีโอกาสขนาดนี้ ทำไมไม่สนใจสิ่งนี้ แต่เวลาสนใจขึ้นมานะ สิ่งที่สนใจขึ้นมา เวลาเดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนามันก็แสนเข็ญ คำว่า “แสนเข็ญ” ความเพียร ความวิริยะ ความอุตสาหะ สร้างให้คนเป็นคนดี แต่ความเพียร ความวิริยะ ความอุตสาหะ มันถึงจุดมันหรือเปล่าล่ะ ความว่าถึงจุดนะ ถึงจุดคือความเสมอตนเอง
แล้วถ้ามันชนะตนเอง ชนะตนเองเท่านั้น เพราะอะไร เพราะพระโมคคัลลานะ ๗ วันเป็นพระอรหันต์ พระสารีบุตร ๑๔ วันเป็นพระอรหันต์ พาหิยะฟังธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหนเดียวเป็นพระอรหันต์ คำว่า “เป็นพระอรหันต์” เพราะมันชนะกิเลสในใจของท่าน ท่านสร้างบุญกุศลมาขนาดไหน ท่านมีอำนาจวาสนาขนาดไหน
แต่สาวก สาวกะไง ถ้าไม่มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พวกนี้ไม่ได้เป็นพระอรหันต์เลย ถ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสรู้มาก่อน องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่เป็นผู้ชี้นำ พวกนี้จะไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย ในพระพุทธศาสนาถ้าไม่มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หมดสิทธิ์ เว้นไว้แต่พระปัจเจกพุทธเจ้าเท่านั้น
ฉะนั้น สิ่งที่เราเกิดสหชาติ เราเกิดมาเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา มันถึงมีคุณค่า คุณค่าสิ่งนี้มันเป็นโอกาสนะ แล้วโอกาสของชาวพุทธทั้งหมด ทุกคนมีสิทธิ์หมด ทุกคนมีความมั่นคงแค่ไหน ทุกคนมีสติปัญญามากน้อยแค่ไหน แล้วถ้าทำได้จะเป็นสมบัติของคนคนนั้นไง
เรื่องทางโลกนะ โลกกับธรรมๆ ทางโลกเป็นคนดีก็เป็นคนดีทางโลก เป็นกตัญญูกตเวที เป็นผู้ที่เลี้ยงดูพ่อแม่ของเรา มันเป็นเรื่องโลกๆ เป็นความดีทั้งนั้น สัตว์เวลาทำดีทำชั่วมันยังทำเป็นเลย ทำไมมนุษย์มันทำไม่ได้ แต่มนุษย์ทำความเพียร ประพฤติปฏิบัตขึ้นมาให้มันเป็นจริงในใจของเรา นี่มนุษย์ทั้งนั้นน่ะ แล้วทำขึ้นมามันมีครูบาอาจารย์คอยชี้นำๆ คอยคัดคอยแยก นี่แหละสำคัญ
นี่ไง วันเวลามันผ่านไปแล้วนะ จิตใจเรามันพัฒนาขึ้นหรือไม่ เราดีขึ้นหรือไม่ เราจะเป็นอะไรของเรา เห็นไหม เราก็พยายาม
เราอยู่กับครูบาอาจารย์เราก็เสียวนะ กลัวครูบาอาจารย์ท่านล่วงไปๆ เราก็พยายามของเราๆ เวลาเราติดขัดขึ้นมา เราไปหาใครก็ตอบไม่ได้เลย เวลามาเจอหลวงปู่จวน เจอหลวงตา เออ! ยังไม่ทันติดเลย ท่านทิ่มเอาแล้ว คนเป็นท่านทิ่มก่อนเลย
แต่ถ้าไม่เป็น เวลาไปถามเขา ไปไหนมา สามวาสองศอก ถามเรื่องหนึ่งแม่งตอบเรื่องหนึ่ง ถามอะไรมันไม่เป็นสักเรื่อง เพราะมันไม่รู้
แต่ถ้ามันเป็นจริงๆ ขึ้นมา ตอนที่เร่งความเพียร เราวิตกวิจารณ์เรื่องอย่างนี้มาก แล้วเราก็พยายามของเรา พยายามของเรานะ เข้าหาครูบาอาจารย์ตลอด มีอะไรเปิดอกเลย ให้ท่านชี้เข้ามาๆ เพราะเรากลัวเสียเวลาของเรา พวกเรา เรามีความคิดอย่างนี้ไง เรามีอุดมการณ์อย่างนี้ไง ถ้าคิดได้ มันทำได้ มันก็เป็นประโยชน์กับเราไง เราต้องตั้งใจของเรา
วันเวลามันผ่านไปๆ นะ ชีวิตนี้มีการพลัดพรากเป็นที่สุด สักวันหนึ่งเราจะต้องพลัดพรากจากมันไป แล้วมันจะมีสิ่งใดเป็นสมบัติของเรา เราต้องคิดเพื่อประโยชน์กับเรา เอวัง